:::::::: มาทำความรู้จัก Garmin Fenix 3 กัน ::::







     Garmin Fenix 3 มีรุ่นตามนี้  (รายละเอียด เข้าไปใน web ได้)

fēnix 3 และ fēnix 3 Bundle
• fēnix 3 Gray/Silver ราคา 15,490 บาท
• fēnix 3 Gray/Silver Bundle พร้อม HRM-Run ราคา 17,490 บาท
• fēnix 3 Sapphire ราคา 18,990 บาท
• fēnix 3 Sapphire Bundle พร้อม HRM-Run ราคา 20,490 บาท
http://www.gpssociety.com/TH/Pages/productdetailfeature.aspx?SiteName=TH&Category=Handheld&ID=20


http://www.garmin.co.th/minisite/fenix3/

**** รุ่น Sapphire จะมีแถม สาย แบบ ยาง มาให้ด้วย (สาย แบบเดียวกับรุ่น Gray/Silver)


       เกริ่นนำ

        จริงๆแล้ว ตัว นาฬิกา Garmin Fenix 3 หรือ รุ่นอื่นๆ ของค่าย Garmin นั้น...... ไม่ใช่ Smart Watch  แต่ออกแบบมา สำหรับ การออกกำลังกาย.....การเล่นก๊ฬา  กลางแจ้ง  ว่ายน้ำ  พาเรือ ..... เอาง่าย กีฬา เกือบทุกชนิด และออกแนว Extreme (ลุยสุด)  ประมาณนั้นมากกว่า ที่จะเป็น Smart Watch แบบค่ายอื่นๆ  เช่น Apple Watch, Samsung Gear S2, Sony Smart 3, LG และ Smart Watch Android
        แต่แนวโน้ม Smart Watch มาแรง..... ก็เลยจัด function บางส่วน ใส่เข้ามาในระบบ เช่น ระบบการแจ้งเตือน (Notification) จาก App เช่น Line, Facebook, Call in, SMS  และอื่นๆ  (ไม่สามารถ ทำการ ตอบกลับ (reply) จากตัวนาฬิกา ได้นะครับ ขอบอก) ---- แจ้งเตือนเท่านั้น  ..... ส่วน Apple Watch, Samsung Gear S2, Sony Smart 3 and LG และอื่นๆ จะสามารถตอบกลับ LINE, และ App อื่นๆ ได้

          Garmin Fenix 3 ออกแบบมาเป็น Extreme Sport (กีฬาแบบลุยสุด) มากกว่าเป็น Smart Watch...... ฉะนั้น ใครจะซื้อ ต้องหาข้อมูลดี (ตัวนาฬิกา จริงๆๆๆ ไม่มีให้ลองเล่นด้วยนะสิ) และถ้า ไม่เคยใช้ นาฬิกา ของ Casion รุ่น G-Shock or Protek หรือ ไม่ชอบ........ ตอบได้เลย  ไม่ต้องซื้อ
          และตัวนาฬิกา Garmin Fenix 3 ตัวค่อยข้างใหญ่มาก ฉะนั้น ผู้หญิง ไม่ชอบแน่นอน.... ผู้ชาย ก็อาจจะไม่ชอบด้วย ถ้าไม่ชอบแนว Casion ข้างต้น

           ก่อนหน้านี้ ได้ไป ลอง Samsung Gear S2 มา และได้เอากลับบ้าน มาลองเล่น 6 วัน  โดยทาง Samsung Thai และ Shop สาขา Siam One  ....ได้อบรม และให้ยีม มานั้น
           เลยชอบมาก (หาอ่าน Review Gear S2 ได้จาก ..........http://khonruksmartphone.blogspot.com/2015/11/samsung-gear-s2.html) การแจ้งเตือน...การ reply LINE,SMS และอื่นๆ ได้สะดวกมาก
       
            หลังจากนั้น ก็คิดว่า จะไปซื้อแล้ว Samsung Gear S2  จะไปเอารุ่น Classic ที่ดูดี มีชาติตระกูลหน่อย.....แต่ตอนไป ลองใส่ แล้ว..... อารมณ์มันไม่ได้จริง....มันก็ยังออกแนว.... เด็ก....อยู่ดี
            ตัว Gear S2 เหมาะกับ เด็ก ม. ปลาย ถึง มหาลัย....คนทำงาน ต้น ก็พอรับได้.....แก่กว่านี้ มันดูแปลกไปนิด..........และอันนี้ละ ที่เป็นจุดตัดสินใจ ไม่เอา Gear S2  (หรือเราแก่ไปแล้ว 55555)
            จะไปกลับใช้ นาฬิกาปกติ แบบสวย หรือ จะแบบ G-Shock (ก็มีแล้ว)  ก็ไม่เอา  เพราะไม่มีระบบการแจ้งเตือน จาก App....... อยากได้แบบ Smart Watch..... Apple Watch ใช้ไม่ได้ เพราะไม่มี iPhone (ถ้ามีนะ จัด ไปแล้ว) """"""" ก็เลยเดินมา เจอ Garmin Fenix 3 ในห้างฯ...​มีแต่ตัวต้นแบบ ไม่มีตัวจริงให้ลอง (แย่จริง)......กลับบ้าน หาข้อมูลต่อไป........และร้านที่ขาย Fenix 3 ก็บอกว่า สีดำ หรือ เทา --- ไม่มีสินค้า ....หาซื้อยากมาก.......
             Garmin Fenix 3 ตอบโจทย์ผมมากที่สุด  โดยจัดมาเป็นรุ่น Sapphire...... ตัวสายเหล็ก.... ดูมีชาติตระกูล ละ...55555'  และมีความสามารถ Smart Watch (แต่ไม่สามารถ reply ข้อมความได้)... ก็ยังดี พอทำ การแจ้งเตือนได้ ก็พอใจแล้วละ...... ซึ่งก็ไปเจอ ร้าน iLife สาขา Siam Paragon.....มีสินค้าครบ แต่ก็ไม่มีให้ ลองจริง อยู่ดี.......


              สรุป.....ว่า 
           1. ผู้หญิง ใช้ไม่เหมาะสม แน่นอน และน่าจะส่วนมาก ไม่ชอบ 99%  (ตัวเรือน ใหญ๋มาก)
           2. ผู้ชาย   อาจจะ ชอบ หรือ ไม่  แล้วแต่คน... ถ้าชอบ แนว Casio -G-Shock or Protex ชอบแน่นอน
           3. คนชอบแนว ผจญภัย ชอบแน่นอน (จากข้อ 2 ละ)
           4. ตัวนาฬิกา  หนักมากๆๆๆๆๆๆ....เหมือนเทียบกับ นาฬิกา ทั่วไป หรือ เทียบกับ G-Shcok or Protex  """"""" Fenix 3 หนักกว่ามาก เนื่องจากตัวเรือน และสาย เป็นเหล็ก...​ส่วนพวกนั้น ถ้าเจอ Steel อาจจะพอกันมัง ไม่แน่ใจ...​แต่ที่ใช้เป็นแบบ สาย Titanium มันเบามากกกกกกกกกกกกกก
           5. ระหว่าง Casio G-Shock or Protex กับ  Garmin Fenix 3  เลือกอะไรดี ????????
                (ไม่ได้เทียบกับ Smart Watch อืนๆนะครับ...พวกนั้นไม่ได้ออกแนว ลุยมากนัก เช่น ดำน้ำไม่ได้...หรือ เอาไปว่ายน้ำ นานไม่ได้ เป็นต้น)

              a. ถ้าต้องการ นาฬิกา ปกติ  และ ลุยๆๆๆ  ก็ Casio  เพราะ Battery อยู่ได้นานมากๆๆๆ หรือ เรียกว่า  ใช้งานอย่างเดียวเลย ......ไม่ต้องสนใจว่า Battery จะหมดเมือ่ไร......การใช้งาน ปุ่มต่างๆ....การตอบสนองของระบบ  ดีกว่า หรือ ไหลลื่นกว่า.... Fenix มีหน่วง หรือ ช้าบ้าง....ปุ่มกด แข็งไป..ต้องออกแรงกด....
              b. ถ้าต้อการ นาฬิกา ปกติ ผสมผสาน Smart Watch แล้วละ....... Garmin Fenix 3 .....​ตาม Spec บอกว่า ใช้ Mode: นาฬิกา อย่างเดียว ได้ 1 เดือน กับ 2 สัปดาห์  [เพื่อน ต้องปิด ระบบนับกาว (step).... ระบบอื่นๆให้หมดนะ เช่น GPS
                    b.1 เท่าที่ลองมา (ไม่ได้ปิดระบบอะไรนะครับ.....ซื้อมา ก็ใช้เลย... เช่น นับก้าว ระบบเปิดให้นับ...​ก็เปิดไป....เปิดไฟ แบบ auto...... เปลี่ยน หน้าจอนาฬิกา (watch faces) ไปมาๆๆๆเรื่อยๆๆ.....Call in เข้ามา ระบบจะแจ้งเตือน แบบสั่นที่ตัวนาฬิกา... LINE และอื่นๆ ก็เช่นกัน

น่าจะได้สัก 3-4 วันนะ (หลัง 22:00 ปิดเครื่องนะ ...ทำแบบ มือถือเลย 5555"""""" เห็นเปล่า แนวทางการใช้งาน นาฬิกา เปลี่ยนไป..... เข้า 06:00 ก็ เปิด นาฬิกา ??????? ,มันแปลกๆๆๆ นิดๆๆๆๆๆ)    
                    b.2  การใช้ นาฬิกา แบบ Smart Watch ก็ต้อง ปรับตัวนิด...เนื่องจาก Battery มันอยู่ได้ไม่นาน.....ไม่เหมือน นาฬิกาปกติ อยู่ได้ 1-3 ปี หรือ หมดยากมาก  เรียกว่า ใช้จนลืม เรือง battery ไปได้เลย  


****** หน้าจอ นาฬิกา Garmin Fenix 3 จะติดตลอดเวลาเสมอ ไม่ดับแบบ Smart Watch อื่นๆนะครับ
เขาใช้ จอคนละแบบกัน *****  ถ้าเจอ แสงแดด หรือ แสงสว่างมาก  ตัวหนังสือ จะเข้มขึ้นมาเอง
เรียกว่า  ดูกลางแสงแดด แรงๆๆๆๆๆๆๆ  ได้สบายๆๆๆๆๆๆๆๆ......  ถ้าแสงน้อย ในห้างฯ ก็ต้องเปิด
แสง Backlight แล้ว จะกดเอง หรือ ตั้ง auto ได้......​ Smart Watch อื่นๆ จะสู้ แสงแดด แรงไม่ได้  มันไม่ได้ออกแบบมา เป็น นาฬิกา สำหรับ การเล่นกีฬา....


::::::::: มาต่อ Part 2 กัน ::::: เล่าสู่กันฟัง หลังจากการใช้ งานจริง


:::::: By Pairoj T.. on 20 Nov 2015 at Bangkok, Thailand :::::::::












::::::: Samsung Gear S2 กับการใข้งานจริง แทนนาฬิกา ปกติ ::::::





















 
 

         ก่อนอื่นใดๆ ขอขอบคุณ Samsung ประเทศไทย (สาขา Sima One) ที่ได้ อบรมเบื้องต้น และให้ยีม เครื่อง Samsung Gear S2 มาใช้งาน  ไว้ ณ. ที่นี้ด้วย        
         Samsung Gear S2 มี 2 รุ่น คือ Classic และ Sport..... ตัวเครื่องฯที่ได้มาทดสอบ เป็นรุ่น Sport สีดำ
ความแตกต่าง 2 รุ่น::::: ตัวเรือน และ สาย .....

:::::::::: เล่าสู่กันฟัง ::::::::::

         วันแรก: เสาร์   (ได้ ตัวเครื่อง Gear S2 ตอน 15:00)
                อบรมการใช้งาน Samsung Gear S2 1 ชม.​โดยประมาณ  และหลังจากได้รับ เครื่องฯแล้ว ก็ดำเนินการ Pairing กับ Samsung Galaxy Note 5 ทันที
                เนื่องจาก Note 5 จะมีการติดตั้ง โปรแกรม Samsung Gear (ใน Folder: เครื่องมือ) ให้เรียบร้อยแล้ว... ส่วน มือถืออื่นๆ ก็ต้อง download โปรแกรมดังกล่าวมาก่อน ด้วย,  เนื่องจาก ต้องใช้ โปรแกรมนี้ ในการจัดการตัว เครื่อง Gear S2 ---(ช่วยเสริมให้การ กำหนดค่าต่างๆ ได้ง่ายด้วย)



                                                      Samsung Shop สาขา Siam One


                                               บรรยากาศ การอบรม



                              ทาง Samsung จัดตัว Gear S2 รุ่น Sport และ มี มือถือ S6 Edge ให้ลองด้วย


                                                       อยรมฟรี ....ทดลองเล่น.....ยังแจกยองแถมอีก




                เดินออกจาก ร้าน..... เดินผ่าน ลานน้ำพุ ของ Siam Paragon ตอน 15:30 กว่า น่าจะได้..... จัดการทดสอบ  ระบบความสว่างของจอ OLED ก่อนเลย
                ความสว่างของ Gear S2 --มี 10 ระดับ,  โดยค่าเริ่มต้น จะตั้งมาที่ ระดับ 7...........  สภาพแสงแดด  แรงมากกกกกกกก............ ผล........ มองแทบไม่เห็น หรือว่า ไม่เห็นก็ได้ละ ....... ต่อให้ปรับสุด ระดับ 10 ก็ยังไม่เห็นชัดเจนมากนัก
                และ ระบบไม่มีการ ปรับแบบ auto ด้วยนะ..... ต้องเอาเข้ามาในที่ร่ม แล้วปรับค่าให้สุด แล้วออกไป ลองดูใหม่    ฉะนั้น สภาพจริง  คงไม่เหมาะสม หรือ ใช้งานจริง ไม่ได้ (แต่ใครจะอยากดู เวลาขนาดนั้น เดินอีกไม่กี่ก้าว ก็ไม่โดย แสงแดด แล้ว 5555)     [ แนะนำ ----- มีระบบ auto ปรับแสงจะดีมาก]
             
                 Samsung Galaxy Note 5 มีอาการ ค้างนิด หลังจาก sleep แล้วเปิดหน้าจอมา จะกดไม่ได้
ต้องรอนิดๆๆ หรือ การคีย์ โต้ตอบใน line or อื่นๆ  มันกด ตัวอักษร แล้ว ระบบไม่พิมพ์ตาม รอ รอ รอ
                  เลยเข้าไปโปรแกรม บน Note 5 --- Samsung Gear -----> Notification------> มัน
เลือกทุก App ในเครื่อง  เข้ามา ด้วย 76 app   เช่น หลาย App ไม่จำเป็นต้องเตือน  ยกตัวอย่าง โปรแกรม FIFA, Need For Speed, WIFI Analy และอื่นๆ
                    เลือกเอาเฉพาะ App ที่จำเป็นจริง เช่น Line, SMS, Facebook เป็นต้น  ผมก็เลือกไว้ 24 app  ซึ่งก็โดยรวม ไม่หน่วงแล้ว .... แต่ก็ยังมีอาการ หน่วงเป็นระยะ  ตี้งแต่มีการเชื่อมกับ Gear S2


 ::::::::::::::::::::::: ก่อนใช้งาน Gear S2 ต้องติดตั้ง โปรแกรม ก่อน ::::::::::::::::::

                                                  ชื่อโปรแกรม Samsung Gear  หน้าจอนี้ สำหรับ มือถือ Samsung....
                                       ภ้าเป็นมือถือค่ายอื่นๆ ก็ต้องไป download ใน Google Play Store ก่อน
                                         และทำการจับคู่ Gear S2 กับ มือถือ ให้เรียบร้อย ด้วย


                                  หน้า Main โปรแกรม Samsung Gear Manager.... จะอธิบายให้ดูในแต่ละข้อคร่าวแล้วกัน
             
:::::: Watch Faces (หน้าปัดนาฬิกา) ::::::::::::::::



      เข้ามา ก็จะเจอ หน้าตาแบบนี้    อันนี้เป็นอะไร ที่สนุกมายที่สุด ที่ทำให้เล่น นาฬิกา สนุกกว่า นาฬิกาทั้วไป ก็ว่าได้ และมี แบบ ให้เลือก 10 แบบหลัก และมีตัวเลือกย่อย ภายในอีก
      และสามารถไป download เพิ่มได้อีก  แต่ก็ไม่มากนัก สัก 10-20 แบบ  มีแบบเสียเงิน และ ฟรี ด้วย...... สนุก...


:::::::: Notification::::::
      
 
 
 
                                                หน้านี้ละ ที่ต้องเข้ามา สำหรับครัังแรก เพื่อจัดการ App ที่ไม่จำเป็นต้องเตือน




                                           เลือก Manage Notification ก็จะได้หน้านี้ ..... App ไหนไม่จำเป็น ก็เอาออกไป



..:::::: Manage App:::::::::
             เป็นการจัดเรียง หน้า App  ไหน  จะอยู่กอน หรือ หลัง



:::::::: Send Media :::::
                เป็นการ sync หรือ ส่ง ภาพ และ เพลง เข้า ตัว Gear S2 ----- แนะนำ ไม่ควร .....หรือ ไม่ได้ประโยขน์อะไรเลย.. จอก็เล็ก จะดุภาพไปทำไม.....เพลง ก็ฟังไม่ได้ ไม่มีลำโพง.... สรุป ฟัง หรือ ดูที่ มือถือ ดีแล้ว
::::::: App Setting::
                 เป็นการจัด การ App หลักของระบบ  ........Buddy:::: คนที่เรา จะโทรหาบ่อย โดยจะเห็นใน Gear S2 จะสามารถสั้งโทรออกได้เลย,,,,,,,Email:::: จัดการ email.......






:::::::Samsung Gear App::::

                 เป็นที่ที่ จะเข้าไป download App เพิ่ม.... มีแบบฟรี และเสียเงิน  ก็ลองเข้าไปดู และติดตั้ง ตามสบาย





:::::: Setting ::::::
       เป็นการตั้งค่าต่างๆ ส่วนอื่นๆ ไม่มีอะไรมาก.... ให้มาดู Text Template ดีกว่า  เป็นการ ตั้ง คำ ที่เราจะใข้ ในการตอบกลับ บน Line, Facebook or Message or Email ต่างๆ  อย่างรวดเร็ว (จะใช้  keyboard บน นาฬิกา เขาก็มีให้นะ  แต่คีย์ยากไปหน่อย)


                                         มี  2 ส่วนหลัก : General กับ Call reject. แต่จริง เพิ่มตรงไหน ก็ได้นะ


                                       
                                         
                                                            General::: ก็เพิ่ม ตามใจชอบเลย ดังตัวอย่างข้างต้น






                                                      Call ก็ตามนั้น หรือจะเพิ่มอีก ก็ได้




   
                ประทับใจ หรือว่า ประหลาดใจ สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
                1.  มีเสียงโทรศัพท์ เข้ามา..... ผม เอา Note 5 ใส่กระเป๋า กางเกง ....ปกติ มันก็สั่น และมีเสียง
แต่ อยู่ในห้างฯ และอื่นๆ  จะไม่ค่อยได้ยิน หรือ สั่น แล้ว ไม่รู้ตัว
                     Samsung Gear S2----สั่นที่ ข้อมือ จนรู้ตัวว่า .....อะไรวะ สั่นที่ข้อมือ  ...ยกมาดู  อ้าว มีคนโทรเข้ามานี่เอง......... ก็กดรับที่ จอ Gear S2 ได้เลย (แล้วก็ไปหยิบ Note 5 จาก กระเป่า กางเกง ออกมา คุย)   -------- อันนี้ ชอบมากๆๆๆๆ
               2.  โปรแกรม Line, Facebook  แจ้งเตือน (จะเตือน หรือ เห็นอันล่าสุดนะครับ)  ยก Gear S2 ดูคร่าวได้เลย เวลาที่เราเดิน โดยไม่ต้องหยิบ มือถือจาก กางเกง ออกมาดู---  และ Gear S2 มันสั่น ทำให้
รู้ว่า อะไรเข้ามา  [แต่ บ้างครั้ง ก็สั่นแล้ว ไม่รู้สึกตัวหมือนกัน หรือว่า Gear S2 มันไม่เลื่อน ไม่ติดแขน มัง)
                     Gear S2 สามารถ ตอบกลับ Line และ อื่นๆ ได้ ทัน ที   โดยจะมี Text ที่เตรียมไว้ ให้แล้ว (ไม่มาก ---ต้องไปสร้างเพิ่มที มือถือ) หรือ จะพิมพ์ใหม่ก็ได้ แต่จอเล็ก พิมพ์ยาก หรือจะส่งเป็น Emotion ได้เหมือนกัน

                 กดนั้น เล่นนั้นไปเรื่อย   โดยรวม App ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร....​มันก็คือ นาฬิกา ละ ... มีไว้ดูเวลา
การดูเวลา  นั้น ก็เพียง ยกมือขึ้นมา จอก็จะสว่าง ..... ไม่ทำอะไร ก็ดับไปเอง ..... OK

                  Battery เหลือ 5%...... จอมืดทันที ดูยากมาก รู้เลยว่า battery ต่ำมาก.....​จึงทำการ charge เลย
โดยอุปกรณ์ที่เตรียมมาให้กล่องแล้ว
                  ระยะเวลาการ charge จาก 5%----------------> 100%  =   2ชม.​โดยรประมาณ


           วันสอง:: อาทิตย์
                    ต้องไป ทอดกฐิน แต่ช้า........ เปิด Gear S2  และ Note 5......ตอน 04:00  ..... เปิดระบบนับก้าว (วันนี้ 4890 ก้าว เดินทั้งวัน)
                    ไม่ค่อยได้เล่นตัว Gear S2 & Note 5 เท่าไร.......... มีคนโทรเข้า 5 สาย  และ Line เข้า ไม่มากนัก สัก 10ครั้งได้   ......จนถึง 19:00 .....Battery Gear S2 เหลือ  50%
                     ส่วนตัว ถ้าคนเล่น Line & Facebook มากๆๆๆๆ หรือ มีคนโทรเข้ามากกก   .... Battery น่าจะหมดมากกว่า  และอาจจะไม่ถึงตอน 24:00น.  หรือ ทั้งคืน สำหรับ คนทำงาน กลางคืน หรือทำงานเกินเวลาไปมากนัก.........  เช่น เกิดเหตุ ต้องแก้ไขระบบ คอมฯ..  ข้ามคืน    อาจจะต้อง เอาตัว charge ติดตัวไปด้วยหรือเปล่า ....5555555 (charge ผ่าน power bank ได้เปล่า-------ตอบ....ได้ ขอ input 5V. และ 0.7A ก็สามารถ charge  เจ้าตัว Gear S2 ได้แล้ว..แต่ระยะเวลา ผมว่า ไม่น่าจะ เร็ว เท่า charge ไฟบ้าน..)
     

             วันสาม:: จันทร์
                    เช้า 06:00 เปิด พร้อม Note 5........ ก็ดูเวลาตามปกติ......แต่ตอนขับรถ  จอจะเปิดสว่างเพื่อดูเวลาเป็นระยะ อาจจะเพราะ มือเอียงได้มุมมากกว่า เนื่องจากท่า การจับพวงมาลัยรถ  น่าจะนะ..... จะสว่าง แล้วก็ดับ  แล้วก็สว่างอีก ถ้ามีการเปลี่ยนท่า
                     09:00 กว่า ก็ลองลง app,  ลองเปลี่ยนหน้าจอ  ก็สักเกือบ 2ชม. ได้..... ช่วงอื่นๆ ก็ดูเวลา ตามปกติ ไม่ได้ยุ่งอะไรมากนัก  ทำเหมือนเป็น นาฬิกาปกติละ
                      ความสว่าง ลองปรับ ระดับ 5 (ส่วนตัวจริงนะ ...สายตาไม่ค่อยดี)   ใน ห้าง หรือ Office ทั่วไป ก็พอ มองเห็น แต่อาจจะมีเพ็งนิด  ....แต่ถ้า นอกอาคาร  ท้องฟ้า สว่าง...  ไม่ค่อยเห็นเท่าไร คืออ่าน ไม่ค่อยได้ แต่มันก็สว่างแล้วนะ (เฉพาะผมมากกว่า)   ก็น่าจะทำให้ Battery ได้นานขึ้น..... สุดท้าย ก็ปรับเป็นระดับ 7 จากเดิม  มองชัดเจน
                     ถึงบ้าน 18:30   Battery เหลือ 50%, ส่วน Note 5 เหลือ 20% กว่า   ..... ทั้งวัน ก็มี line, facebook แจ้งเตือนมาเป็นระยะ  ก็สัก 30ครั้งมัง.....  สายเข้าเป็นระยะ สัก 10สายได้มัง..... เวลาแจ้งเตือน ตัวเครื่องฯ​จะสั่น ก็มีผลต่อ Battery

               
              วันสี่:: อังคาร
                  เช้า 06:00 เปิดพร้อม Note 5.......  ได้ลอง หน้าปัดนาฬิกา (Watch Faces) 3 แบบ ที่มีมาให้ใช้งาน ซึ่งก็มีประโยชน์ดี
                   a.  Activites Bubble------ จะเป็นรูป คนนั่ง กับ รูปคนเดิน........... และมีข้อความว่า ไม่เคลื่อนไหว กี่นาที แล้ว......... ให้สังเกต รูปนั้น ถ้าไม่เคลื่อนไหวนาน รูปคนนั่ง ก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆๆ  เป็นต้น



                   b. Heart Wave

     ก็คล้ายข้อ a. แต่เปลี่ยนรูปแบบ คือ ถ้าจุดน้อย แสดงว่า ไม่เคลื่อนไหว...... ถ้าจุดมาก ก็แสดงว่า มีการเคลื่อนไหวมาก



                    c. Pixel Heart ----- จะวัดการเต้นของหัวใจ แล้วตัวรูปหัวใจ ก็จะเปลี่ยนสีตามอัตราการเต้น....  ถ้าใครใช้ มือถือ Samsung ที่มีโปรแกรม S Health  แล้วมีการคีย์ข้อมูล เช่น เพศ... อายุ...น้ำหนัก.. ส่วนสูง
                        โปรแกรมก็จะเทียบให้ว่า ปกติ หรือ สูงเกินไป  เป็นต้น

                    วันนี้ นำไปออกกำลัง ปั้นจักรยานอยู่กับที่ (ใน Gear S2 ให้เลือก แบบได้ ตามรูป) 30นาท



และจะวัดการเต้นของหัวใจ ให้ด้วย.... เมื่อวิ่งครบ ตามที่ตั้งไว้ เช่น จะวิ่ง 30นาที...... พอถึง 15 นาที ก็จะแจ้งเตือน ด้วยการสั้น 1 ครั้ง.... และเมื่อครบ ก็จะสั่น อีก  แต่เวลาจะเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า กดปุ่ม Finish นะครับ
                     ที่น่าสนใจคือ ระบบจะวิเคราะห์ว่า อัตราการเต้นของหัวใจ เหมาะสมหรือไม่ ตามข้อมูลใน S Health เช่น อายุ เพศ   เช่น ได้ 110bpm.... ก็จะบอกว่า ต่ำไป ควรจะให้ได้ 128 bpm เป็นต้น
แสดงว่า เราต้องออกกำลังกายให้เหนื่อยกว่านี้เป็นต้น

                   Battery เหลือ 20% เลย....​คงไม่รอดพรุ่งนี้แน่นอน.... ต้อง charge อีกละ....เอาง่าย ทุกวัน (ระบบนับก้าว ก็ยังทำงาน จะ หาที่ปิดไม่ได้...​วันนี้นับไป 8900 ก้าว เลย
                   ส่วน Battery ของ Note 5 ก็ลดลง เร็วกว่า ตอนที่ไม่มี Gear S2......... แต่เท่าที่สังเกต ถ้าไม่เล่นอะไรเลย.......ดูเวลา อย่างเดียว... มี line, facebook.... สายเข้าบ้างนะ   คงรอด 1 วัน น่าจะเหลือ 50% ได้ มันแล้วแต่คนจริง  ใคร line มาก ก็น่าจะหมดเร็ว


               วันที่ห้า:: พุธ
                    เช้า 06:00 เปิดเครื่อง Gear S2 พร้อม Note 5..........วันนี้จะไม่ทำอะไรกับตัว Gear S2 เลย....
คิดเสียว่า มันคือ นาฬิกาปกติ ที่มีไว้ ดูเวลา เท่านั้น
                    ระบบนับก้าว ยังทำงาน (หาทางปิดไม่ได้---นับไป 4000ก้าวกว่า)...... มี line, facebook, สายเรียกเข้า   ไม่มาก  ไม่น่าเกิน 30ครั้งได้มัง รวมๆๆๆ
                    ถึงบ้าน 19:00   Battery เหลือ 70%........ จากค่านี้ ก็ประเมินคร่าวว่า น่าจะอยู่ได้ถึง 28ชม.
ฉะนั้น ถ้า กลางคืน ปิดเครื่อง..... พรุ่งนี้ ก็น่าจะใช้ได้ ถึง 19:00น.  (มันแล้วแต่คน แล้วละ ว่าใคร มีการแจ้งเตือนมากกว่ากัน......)   แต่ ก็คงต้อง charge แล้วละ

                    จากการใช้งาน 5 วัน............สรุปว่า
                    1. ราคา 9,900 บาท กับ ความสามารถ หรือ สิ่งที่ได้รับ ---- (ส่วนตัว) แล้ว ไม่คุ้มค่า  ถ้าสัก 6,900 ยังพอรับได้ กับ ประโยขน์ 2 ข้อที่กล่าวไป  ...คือ ยังพอน่าจะลงทุน ลองสิ่งใหม่
                    2. ต้องมาคอย Charge ตัว นาฬิกา ทุกวัน (เหมือน มือถือ) เพิ่มมา อีก 1 อย่าง..... มันแปลกนิดๆๆๆๆ  แต่ก็พอทำได้..... วันไหนลืม charge ก็ไม่ต้องใส่ นาฬิกา Gear S2
                    3. App ของ Gear S2  ยังไม่มาก หรือ ไม่มีอะไรน่าสนใจ มากนัก หรือ ทำให้ต้องซื้อ มัน... ส่วนของ Apple Watch ไม่แน่ใจ ยังไม่เคยลองใช้
                    4  ส่วนตัว ..... นาฬิกา แบบ Wearable อย่าง Gear S2 or Apple Watch or ค่ายอื่นๆ  ถือเป็นสิ่งใหม่ และพฤติกรรม การใช้งาน ต้องปรับตัว เช่น ต้องมา charge นาฬิกา ทุกวัน และ/หรือ  มันจะอยู่ข้ามคืน ได้หรือไม่ โดยไม่มีการ charge ใดๆ .ในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และ.......มองว่า มันยังไม่ใช่เท่าไร  (อย่าง Google Glass ก็ดูนำหน้ามากๆๆๆๆ ดูดี  แต่ปฎิบัติ หรือ ใช้งานในชีวิตประจำวัน มันไม่ตอบโจทย์ สักเท่าไร)
                        Wearable อย่าง  Gear S2 or Apple Watch ต้องอยู่ได้อย่างน้อย 3 วัน (แบบ 24ชม. ไม่ปิดเครื่องเลย)  ก็จะช่วย การเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ ที่อาจต้องอยู่ ข้ามคืน โดยไม่มีตัว charge และลดการ charge บ่อยๆๆ  ก็พอ ok ได้
                         นาฬิกา ปกติ ใช้งานได้ 3-5 ปี หรือ บ้างรุ่นใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่ต้องสนใจว่า Battery จะหมดเลย,   ทุกเช้า หยิบมาใส่  ..เดินออกจากบ้านได้ทัน  ไม่ต้องมากังวล ว่า batteryจะ หรือ ลืม charge มา ถ้าลืม วันนี้ อดดูเวลา เป็นต้น.....
                         ต้องปรับตัว ทำให้ นาฬิกา มันเหมือน มืถถือ.......... เพราะว่า มันทั้งสอง ต้องอยู่คู่กันเสมอ  ไปไหน ไปด้วยกันเสมอ  ฉะนั้น ต้อง charge battery ให้มันทั้งสอง เสมอ ทุกวัน

                5. (ส่วนตัว) ความหรูหรา เวลาใส่  บอกตรงๆๆๆ ไม่งามเท่าไร (ตามราคาละ)  ..... จะใส่ไปออกงานใหญ่ หรือ งานหรู  หรือ งานอวดรวยนั้นละ  ...มัน ไม่เข้ากับชุดสวย  เท่าไร.....   ใส่ไปทำงาน ก็พอ... ใส่ไปเที่ยว ได้อยู่แล้ว........ มองว่า นาฬิกา ปกติ ราคาแพง อย่างพวก TAG. Heuer... Rolex.....Citizen และอื่นๆ  ยังดีกว่ามาก.......  ตัว Sport จะออกแนว เด็กๆๆๆนิด.....ส่วนตัว Classic ก็ยังดู เหมือนวัยทำงาน แต่ก็ยังออกแนว เด็กๆๆๆนิด  อารมณ์แบบ.....ว่า เอามาใส่ เล่นๆๆๆ เดินเล่นๆๆๆ มากกว่า  จะเอาใส่  ทำงาน  (ส่วนตัวนะครับ)
                      ตอนนี้ก็มี TAG Heuer ก็หันมาทำ นาฬิกา แบบนี้แล้วนะ  ทำการเปิดตัวไปแล้วที่ USA... คร่าว ราคา ก็ 5-6 หมื่นบาท ละ.....  ดูดีมากๆๆๆๆ.... ระบบโดยรวม ผมว่า ก็ไม่ต่างกัน Gear S2 มากนัก แต่จะดีตรงที่ใช้ Android Wear (ส่วนตัว ว่าเป็นระบบเปิดมากกว่า)
                      ทาง TAG ร่วมกับ บ. Intel และ บ. Google ในการพัฒนาครั้งนี้  เข้าใจว่า จะเอาไปชนกับทาง Apple..... ของ Apple ตัวแพงสุด ก็ 8 หมื่นกว่า
                      แต่ตาม ที่กล่าวมา ตัว Battery ก็อยู่ได้ ไม่เกิน 1-2 วันละ.... ต้องพัฒนาเรื่องนี้ อีกยาวนานมาก
เหมือน ยุค กล้อง Digital เริ่มใหม่เลย (ปี 1999) .... เริ่มแรก ก็ถ่ายได้ 20 รูปเอง และภาพ ก็ไม่ชัด  ยังสู้ กล้องฟิลม์ ไม่ได้ เลย
หรือเรียกว่า แพ้ขาดลอย
                       ฟิลม์ 1 ม้วน ถ่ายได้ 30-33 รูป....ต่อมา กล้อง Digital ก็ถ่ายได้ 60-100 รูป  และความละเอียดของภาพ ก็สูงขึ้นเรื่อย...... ปัจจุบัน ได้ถึง 1000 รูป ต่อ การ charge 1 ครั้ง.... ความละเอียด เท่า หรือใกล้เคียง หรือ ดีกว่า กล้องฟิลม์ แล้ว.... กล้อง Digital. ตัว TOP. ชนะ กล้องฟิลม์ ด้านความละเอียด แบบ ขาดลอยแล้ว
และ ชนะขาดลอย แบบที่ กล้องฟิลม์ ทำไม่ได้ คือ ISO ........ ที่พัฒนาไปไกล ถึง ISO 100,000 - 200,000 กันแล้ว
                       นาฬิกา Digital แบบ Gear S2 or Apple Watch หรือ ค่ายอื่นๆ  พัฒนาไปไกล  .... นาฬิกาปกติ อาขจะตายก็ได้ อย่าง กล้องฟิลม์ ตอนนี้ก็ไม่มีขายแล้ว
                       เช่น ตอนนี้ Apple Watch, or LG or Sony, Huawei และอื่นๆ   ตัวนาฬิกา สามารภ ควบคุม กล้องถ่ายภาพ ของมือถือ ได้ด้วย   ทำให้สามานถ ถ่ายภาพจากกล้องหลัง ของมือถือ ได้สบายเลย..... และต่อไป นาฬิกา อาจจะไป ควบคุม กล้อง DSLR or Mirroless ก็ได้ (ทำได้อยู่แล้ว)

                 



             ฟังธงว่า ควรซื้อหรือไม่ (ส่วนตัว)
              1. ถ้ามี มือถือ Samsung แล้วมีโปรแกรม S Health มาด้วย.........และ เงินพอ...... ผมซื้อ.....ผม ชอบลองเล่นของใหม่....​แม้นจะไม่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปเท่าไร.....พอใจมากๆๆๆ ตรง ที่สายโทรเข้ามา แล้วมันสั่นที่ นาฬิกา  ทำให้รู้ว่าใครโทรมา ก็กดรับจากนาฬิกา ก่อน แล้วจึงไปหยิบ มือถือ
              2. ถ้าไม่มี มือถือ Samsung.............. ไม่ซื้อ Gear S2.... แต่ไปซื้อ ยี่ห้อ แทนดีกว่า ด้วยเหตุผลข้างต้น
     
              Samsung ทำเหมือนของ Apple เลยก็ว่าได้....​Apple Watch ต้องใช้กับ iPhone เท่านั้น..... ส่วน Gear S2 ก็จะพยายามทำแบบนั้น แต่ยังเปิดกว้างให้ Android อื่นๆ มาใช้ตัวมันได้ แต่ต้อง Android 4.4 ขึ้นไป และ RAM 1.5 G เป็นอย่างน้อย (ตาม Spec เขาว่า)


            สุดท้าย ต้องเอาเครื่อง Samsung Gear S2 รุ่น Sport สีดำ ไปคืนละ และ ขอบคุณ บริษัท Samsung ประเทศไทย และ Shop สาขา Siam One  ในการให้ยีม อุปกรณ์ มาทดสอบ

         
::::::: By Pairoj T.  11 Nov 2015 at Bangkok, Thailand ::::::::::  ????? ว่าจะไปซื้อ รุ่น Classic ??????


     



           



..




:::::::::: เลือก มือถือ Android on Oct 2015 ::::



 
       สำหรับ iPhone  มีไม่กี่รุ่น ชอบรุ่นไหนก็จ่ายเงินไป  ,  ส่วน Android มีผู้ผลิตหลายราย Asus, Acer, HTC, Huawei, LG, Lenvo, Samsung , Sony, และอื่นๆอีกมากกว่า
       ทำให้การเลือก มือถือพวก Android จึงมีรุ่นให้เลือกมากมาย  (Tablet android ก็คล้ายกัน)

       มือถือ โดยคร่าวแบ่งออกเป็น 4 รุ่นใหญ่ๆ (ผมแบ่งเองนะครับ)

       1. ระดับล่าง (Low End)  -- ราคา 3,000 -   8,900 บาท     มีแบ่งย่อยกันอีกเล็กน้อย
       2. ระดับกลาง (Mid End) -- ราคา 9,000 -  14,900  บาท  มีแบ่งย่อยกันอีกเล็กน้อย
       3. ระดับสูง (Hi End)       --  ราคา 15,000 - 20,000 บาท  มีแบ่งย่อยกันอีกเล็กน้อย
       4. ระดับสูง แบบพิเศษ    --   ราคา 21,000 - 28,000 บาท  มีแบ่งย่อยกันอีกเล็กน้อย
          ***** ให้สังเกตว่า ในแต่ละระดับ จะมี รุ่นย่อยให้เลือกกันอีก  โดยคร่าว จะราคาจะเพิ่มขึ้น 2,000-3,000 บาท  เช่น รุ่นต่ำสุด 3,000 บาท,  เอาดีขึ้นมา ก็จะ 4,000-,4,500,  เอาดีอีก ก็ 5,000 กว่า เป็นต้น   ฉะนั้นดูตามความเหมาะสม
         แต่หลายคนจะเลือกไม่ถูกว่า มากขนาดนี้เอาแบบไหนดี  ถ้าให้ผม ฟังธงเลยนะ  และใช้ไปอีกยาว หรือ ไม่มีปัญหามากวนใจละก็ ตามนี้เลย (ไม่ดูราคานะ)
         a.  CPU อย่างน้อย 4 Core , หรือ 6 Core ยิ่งดี --- Spec ของมือถือจะบอก หรือ คนขาย ก็จะบอกเลยละว่า ตัวนี้กี่ Core,   Core = หัวคน หรือ สมองคน แล้วกัน,  มีสมองมาก  ยิ่งดี
         b. Memory ในเครื่อง หรือ ที่ทุกคนจะได้ยินคนขายบอกว่า ความจุ เครื่องนี้ 8G (8กิ) หรือ 16G or 32G ----- ให้เอาแบบ 16G  ถึงแม้นจะแพงกว่า แต่ใช้งานแบบสบายใจ และใช้ได้ยาว
              คนขายชอบบอกว่า 8G ก็บอก ,  คุณผู้ชาย หรือ คุณผู้หญิง  ใช้งานไม่มาก ใช่เปล่า  ,  ใช้แต่ Line or Facebook, Twiter  ใช้เปล่า , ไม่เล่น game ใช่เปล่า , และ ไม่ชอบลงอะไรเพิ่ม ใช้เปล่า
              ก็จะบอกว่า 8G ก็พอ,    ผมฟังธง 16G เหมาะสมที่สุด
         c. RAM or Memory ในการใช้งาน ความจะ 2G อย่างน้อยนะ  เนื่องจากตัว Android ก็กินไปพอควรแล้ว  การมี 1G จะน้อยไป
         d. ส่วนปัจจัยอื่นๆ ขนาดหน้าจอ 5นิ้ว,  5.7นิ้ว,  จะเป็นจอ IPS LCD or Super AMOLED ก็แล้วแต่งบประมาณของเพื่อนแล้วกัน,  การใช้ SD Card ได้หรือไม่ ก็ตามใจ ---แต่มือใหม่ แนะนำ ไม่ต้อง
เนื่องจาก เพื่อนบ้างท่าน ชอบใช้ SD ราคาถูก หรือของจีน ที่ไม่มีคุณภาพ   มันจะส่งผลให้ เครื่อง ทำงาน ช้าลง หรือ มีอาการแปลก


       ปัจจัยที่ทำให้ ราคาแตกต่าง โดยประมาณคือ
       1. ชนิดของ CPU, จำนวน CPU และ ความเร็วของ CPU เช่น Snadagron 810  8 Core  ความเร็ว 2.5Ghz    ,  ตัว Snadagron 810 เป็นชนิด CPU ที่ดีที่สุดของค่าย เป็นต้น   ราคาก็แพง ตามตัว
            ดูคร่าว ก็ดูตัวเลขของมันได้ เช่น Snadagon 610  ก็ต่ำกว่า 810 อย่างมาก เป็นต้น
      2. GPU --- ตัวทำแบบ 3มิติ  ยิ่งดี และแรง  ก็แพง
      3. Memory or RAM ที่ใช้   เช่น 1G, 2G, 3G, 4G or 8G   เช่น Samsung Galaxy Note 5 มี RAM 4GB  เป็นต้น
      4. Memory ในเครื่อง หรือ ความจุในการเก็บข้อมูล เช่น 4G, 8G, 16G,32G, 64G, 128G เป็นต้น
อย่าง Samsung Galaxy Note 5 มี 32G,  Asus Zenfone 2 มี 64G (แอบชอบมากกว่า ราคา 12,900 เอง )
      5. ขนาดหน้าจอ เช่น 5นิ้ว และชนิดจอที่ใช้ เช่น Super AMOLED หรือเปล่า
      6. วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่อง
      ข้อ 1-4 จะมีผลต่อการผลิตค่อนข้างมาก (ต้นทุนการผลิต)  ทำให้ราคามือถือ แตกต่างกันไป

      เพื่อนคิดง่าย เหมือนรถ เลยก็ว่าได้  รถ Toyota or Honda ก็มีการแบ่งรุ่นออกเป็น 3 ระดับใหญ่
ในแต่ละระดับ ก็มีรุ่นย่อยให้เลือกอีก เป็นต้น

      สนุกกับการเลือก มือถือ นะครับ

      เห็นบทความน่าสนใจ จึงนำมาฝาก

http://droidsans.com/android-buyers-guide-oct-2015



::::::::: By Pairoj T. on 3 Oct 2015 ::::::at Bangkok, Thailand



:::::::: Mini Reviews: Samsung Galaxy Note 5 in Thailand :::::::: Part1



ภาพประกอบ นำมาจาก www.droidsans.com


::::::: Introduction -เกริ่นนำ :::::::

       ทางบริษัท Samsung ได้ประกาศออก มือถือ ตระกูล Note  ซึ่งเป็นมือถือที่ มีจุดเด่น แบบว่า เด่นกว่า ค่ายอื่นๆ อย่างมากๆๆ ก็คือ การมี ปากกา หรือ S Pen นั้นเอง, ซึ่งได้สร้างชื่อให้ตระกูล Note เป็นอย่างมาก ตั้งแต่  รุ่นแรก Note 1 เปิดตัวมา  ได้สร้างความแปลกใหม่ ต่อวงการ มือถือ อย่างมากมาย
      และเป็น มือถือ ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดในเวลานั้น (ขนาด 5.3นิ้ว) เมื่อ 5 ปีที่แล้ว... ใครได้ใช้ และเพื่อน ได้เห็น เจ้า Samsung Galaxy Note 1 จะพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ว่า จอใหญ่มาก, ขัดเจนมากๆๆ
      ซึ่งทาง Samsung ได้มีการพัฒนา มือถือ ตระกูล Note มาโดยตลอด  ตั้ง Note 1, 2, 3, 4  โดยแต่ละรุ่นจะห่างกันประมาณ 1 ปีได้
      จาก Note 1----> Note 2 มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมาก  เรียกได้ว่า ยกเครื่องใหม่หมด ก็ว่าได้ หรือในแง่เปรียบเทียบกับ รถยนต์  เรียกว่า Model Change กันเลยนะ ขอบอก,  ส่วน Note 2--> Note 3, 4 (ส่วนตัวแล้ว) ไม่ค่อยมีอะไร เด่นมากนัก,  ปรับปรุง ปากกา (S-Pen), CPU และอื่นๆ  ทำให้ดีขึ้น, น่าใข้ขึ้นมากกว่า   โดยเฉพาะ Note 3----> Note 4 ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร
      และ สุดท้าย ก็คือ Samsung Galaxy Note 5  ตัวล่าสุด   ซึ่งเรียกได้ว่า ยกเครื่องใหม่หมด ทั้งภายนอก และภายใน  อย่างเห็นได้ชัดเจนมากๆๆๆๆ  สวยแตะตามาก (ปากกา S-Pen ก็สวยเช่นกัน)



                                    ตัวกล่อง (สีทอง) และ S View Case ของทาง Samsung เอง (แพงนิด)



                      ซื้อแล้ว ใส่เข้าไปเลย, หน้าจอ กระจก เล็กๆที่เห็น สะดวกมาก ตอนรับสาย



               ใส่เข้าไปแล้ว ก็สวยดี,  แต่ตอนใช้งาน ก็ติดตรงฝาเปิดนี้ละ ต้องค่อยจับไว้ ถ้าคนไม่ชอบแบบฝาเปิด




                                                               ใส่แล้ว ดูด้านหลังกันหน่อย




                                             ในกล่องก็มี แค่นี้ละ, สาย charge, ปลั้กไฟ, และ หูฟัง


                          หูฟัง ใส่กล่องพลาสติกใส มา  ดูน่ารักดี , ใช้แล้ว เก็บกลับเข้าไปก็ได้ (เสียงดีกว่าเดิมมาก)

::::: ใช้งานประจำวัน คือ
       1. ผม มีมือถือตัวเดียว คือ Samsung Galaxy Note 5.... การโทร รับ สาย ดู web, line, Facebook, Google Map, Twitter.  จะใช้ Note 5 ทั้งหมด
       2  เปิดเครื่อง 06:00 - 21:00 โดยประมาณ แล้วก็ทำการ charge battery โดยเปิดเครื่อง ไว้


::::::: By Pairoj T. 21 Sep 2015 ::::::
::::::: ติดตาม Part 2 และอื่นๆ ต่อไป เร็วๆนี้ (จะนำ link มาวางให้ )
::::::: ภาพ ถ่ายจาก กล้อง Olympus OMD EM1 12-40 F2.8 Pro ::::: Mode : A, F 2.8, Auto WB, ISO และระบบวัดแสง ESP (ควรจะใข้ Center Weight ก็ดี เพราะถ่าย เฉพาะตัวสินค้า)